น้ำดื่มในอุดมคติ (Ideal Water) ….น้ำที่ดีที่สุดกับร่างกาย
1. น้ำที่มีค่าโออาร์พี เป็นลบ (Negative ORP)
2. น้ำที่มีฤทธิ์เป็นด่าง (Alkaline water)
3. น้ำที่มีแร่ธาตุหลักที่สำคัญต่อร่างกาย เช่น แคลเซียม, แมกนีเซียม, โปแตสเซียม
4. น้ำที่มีกลุ่มโครงสร้างโมเลกุลขนาดเล็ก (Micro cluster)
5. ไม่มีสิ่งปนเปื้อนที่อันตรายต่อสุขภาพ
น้ำที่มีค่าโออาร์พีเป็นลบ (Negative ORP )
ORP (Oxidation Reduction Potential) เป็นค่าที่หักล้างกันระหว่างโปรตรอน กับอิเลคตรอน โดยใช้ ORP มิเตอร์เป็นตัววัด ผลที่ได้มีค่าเป็น บวก หรือ ลบ ก็ได้ ขึ้นอยู่กับน้ำนั้นๆ เช่น น้ำประปามีค่า ORP +400 mV., น้ำแร่(บางชนิด) มีค่า +80 ถึง + 200 mV. น้ำที่มีค่าคุณภาพสูงที่ดีต่อร่างกาย ควรมีค่า ORP ติดลบ ค่า ORP นี้ แสดงความสามารถในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ยิ่งมีค่าต่ำยิ่งมีประสิทธิภาพสูงในการต้านอนุมูลอิสระ
อนุมูลอิสระ คือ เพชฌฆาตเงียบ มีการวิจัยพบว่า โรคภัยไข้เจ็บมากกว่า 90 ชนิด มีความสัมพันธ์กับอนุมูลอิสระ อนุมูลอิสระสามารถโจมตีได้ทุกอวัยวะของร่างกาย ที่ร้ายที่สุดคือ DNA ในเซลล์ อาจทำให้เซลล์เพี้ยน ก่อให้เกิดมะเร็ง
อนุมูลอิสระ เกิดจากการสูญเสียอิเลคตรอน ทำให้ตัวมันไม่เสถียร จึงต้องแย่งชิงอิเลคตรอน จากโมเลกุลของเซลล์ดีๆที่อยู่รอบข้าง ส่วนโมเลกุลที่เสียอิเลคตรอนไป ก็จะกลายเป็นอนุมูลอิสระตัวใหม่ขึ้นมาแทน และไปแย่งชิงอิเลคตรอนจากเซลล์ใกล้เคียงต่อกันเป็นทอดๆเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ (แบบเดียวกับระเบิดปรมาณู) มันจึงสร้างความเสียหายอย่างมากต่อร่างกาย วิธีแก้ปัญหาคือ “ หยุดปฏิกริยาห่วงโซ่นี้ โดยให้ แอคทีฟ ไฮโดรเจน (Active Hydrogen, H- ) คือ เป็นการเพิ่มอิเลคตรอนวงนอกสุดให้กับไฮโดรเจนอีกหนึ่งตัว และพร้อมที่จะสละอิเลคตรอนที่เพิ่มให้กับอนูมูลอิสระ โดยที่ตัวมันยังเสถียรอยู่เหมือนเดิม อนุมูลอิสระ (Free Oxygen Radical) จะกลายเป็นออกซิเจนปกติที่เสถียร หยุดห่วงโซ่การทำลายล้าง และยังได้ออกซิเจนเข้ามาเพิ่มในร่างกาย
…น้ำดื่มที่มีค่าโออาร์พีเป็นลบ จะมีแอคทีฟ ไฮโดรเจนอยู่ในน้ำ
น้ำดื่มที่มีค่าโออาร์พีเป็นลบ จะต้านอนุมูลอิศระได้ดีกว่าสารต้านอนุมูลอิสระทุกชนิด (สารต้านอนุมูลอิสระจากวิตามิน หรือ สารอย่างอื่น เมื่อให้อิเลคตรอนของตัวเองไป มันก็จะกลายเป็นอนุมูลอิสระอย่างอ่อนๆแทน ถือว่าการกำจัดไม่เสร็จเด็ดขาด
น้ำที่มีฤทธิ์เป็นด่าง (Alkaline Water) จะช่วยล้างพิษของความเป็นกรดและช่วยเป็นชน (buffer) ให้ร่างกายเพื่อสร้างสมดุล ระบบโลหิตของมนุษย์ต้องการฤทธิ์ด่าง ตามปกติเลือดของมนุษย์มีค่า pH 7.4 (ระหว่าง 7.35-7.45) คือมีความเป็นด่างอ่อนๆ
( pH ที่ต่ำกว่า 7 เป็นกรด… ph 7 คือเป็นกลาง…..pH ที่สูงกว่า 7 เป็นด่าง)
ร่างกายของมนุษย์จะเป็นกรดง่ายมาก เพราะอาหารส่วนใหญ่ที่กินเช่น แป้ง โปรตีน ไขมัน เมื่อมีการเผาผลาญอาหารที่ Metabolism จะเกิดของเสียที่มีฤทธิ์เป็นกรด (Acidic Waste) แต่ถ้าได้อาหารที่มีลักษณะเป็นด่าง และดื่มน้ำที่มีฤทธิ์เป็นด่าง(น้ำที่มีแคลเซียม แมกนีเซียม ) จะทำให้ไม่ต้องไปดึงแร่ธาตุ คือ แคลเซียมและแมกนีเซียมออกจากร่างกายมาใช้ เพื่อสร้างสภาวะสมดุลของร่างกาย (Homeostasis) ขึ้นมาใหม่ ดังนั้นร่างกายก็จะไม่สึกหรอ และทรุดโทรม สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง น้ำดื่มเป็นด่าง จึงต้องมีฤทธิ์เป็นด่างให้มากกว่าเลือด เพื่อไปทำปฏิกิริยากับฤทธิ์กรด และเกิดการถ่วงดุลทำให้ pH ของเลือดกลับมามีค่าที่ 7.4 อย่างเดิม เอ็นไซม์ซึ่งสำคัญยิ่งต่อการทำปฏิกิริยาเคมีทุกชนิด ส่วนใหญ่ต้องทำงานในสภาวะของด่างจึงจะมีประสิทธิภาพ นายแพทย์ Paavo Airola แนะนำว่าอาหารที่บริโภค ควรจะเป็นด่าง 4 ส่วน และเป็นกรดเพียง 1 ส่วน จึงเกิดความพอดี
นอกจากนี้สารละลายที่เป็นด่างอ่อนๆสามารถดึงออกซิเจนไว้กับตัวได้มากกว่าสารละลายที่มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ได้ถึง 100 เท่า สารละลายที่มีค่า pH ต่ำกว่า 7.0 จะมีฤทธิ์เป็นกรดและจะไม่ยึดออกซิเจน “สารละสายที่เป็นด่างจะมีออกซิเจนสมบูรณ์”…
ความเป็นกรดของร่างกายก็จะเป็นตัวนำให้เกิดมะเร็งได้ เพราะออกซิเจนไม่ชอบอยู่ในที่เป็นกรด …..เซลล์มะเร็งโตได้ดีในภาวะที่เป็นกรด และไม่มีออกซิเจน
น้ำที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก (Microcluster Water)
น้ำที่มีโมเลกุลจับกันเป็นกลุ่มขนาดเล็ก (ประมาณ 6 โมเลกุลต่อกลุ่ม, น้ำประปามี 10-13 โมเลกุลต่อกลุ่ม) จะเป็นตัวละลายที่ดี จึงสามารถนำพาสารอาหารเข้าสู่เซลล์ได้มากกว่าเดิม, โมเลกุลกลุ่มเล็กทำให้ซึมผ่านเยื่อหุ้มเซลล์และรวมถึงนำพาของเสียต่างๆออกจากเซลล์ได้ดีอีกด้วย